ปลัดกระทรวงพลังงานยืนยัน ครม. รับทราบการดำเนินงานชี้แจงทำความเข้าใจของกระทรวงพลังงานชี้ให้นำความเห็นจากการหารือส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อนนำเสนอ สนช. ต่อไป

ปลัดกระทรวงพลังงานยืนยันว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2558 คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการดำเนินงานตามมติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2558 ที่ให้กระทรวงพลังงานชี้แจงทำความเข้าใจกับ คณะกรรมการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514  สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ครอบคลุม  และครบถ้วนทางด้านกฎหมาย ที่ประชุมจึงมีมติให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในรายละเอียด  ก่อนเสนอ สนช. ออกเป็นกฎหมายต่อไป

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ไปเรียบร้อยแล้วนั้น ตนยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงคือ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน     ได้รายงานต่อที่ประชุม ครม. เกี่ยวกับการชี้แจงทำความเข้าใจของกระทรวงพลังงานต่อคณะกรรมการวิสามัญฯ สนช. ตาม มติ ครม. เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ดังกล่าว ซึ่งมีสรุปประเด็นความเห็น จำนวน 26 ประเด็น โดย ครม. ได้รับทราบและมอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในรายละเอียดก่อนเสนอ สนช. ต่อไป และขั้นตอนต่อจากนี้จะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมจำนวน 2 ฉบับ และคณะกรรมาธิการฯ จะประกอบด้วยทั้ง สนช. ภาคราชการ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ประมาณ 35 คน และเมื่อมีข้อสรุปที่ชัดเจนก็จะตราเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการปกติในการออกกฎหมายทั่วไป โดยข้อมูลต่างๆเหล่านี้ก็สอดคล้องกับที่ท่านปลัดกระทรวงพลังงานได้ให้สัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้

ปลัดกระทรวงพลังงาน ย้ำว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมครั้งนี้ เป็นการเพิ่มทางเลือกในการเปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบใหม่ (รอบที่21) เพื่อความต่อเนื่องในการสำรวจ สร้างโอกาสในการพบปิโตรเลียม และเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และขอร้องกลุ่มผู้ไม่หวังดีอย่าบิดเบือนเรื่องนี้ เพื่อเป็นประเด็นทางการเมือง